Thai / English

"ซูจี"อ้อน"เหลิม"ระทวย ประเคนสวัสดิการ-ค่าแรง300



01 .. 55
ผู้จัดการ

เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (31พ.ค.) ที่ห้องสีฟ้า ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นาง อองซาน ซูจี ผู้นำพรรคฝ่ายค้านของพม่า ในฐานะแขกของที่ประชุมใหญ่เวทีเศรษฐกิจโลกว่าด้วยเอเชียตะวันออก หรือ World Economic Forum on East Asia 2012 (WEF) เข้าพบ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือปัญหาแรงงาน และผู้ลี้ภัยชาวพม่าในประเทศไทย

ทั้งนี้ นางอองซาน ได้ขอให้รัฐบาลไทยแก้ปัญหาผู้ประกอบการไม่เอาใจใส่ดูแลแรงงานพม่า โดยพบว่าผู้ประกอบการได้มีการยึดพาสปอร์ตแรงงาน เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีการโยกย้ายจากงาน และเรื่องของการดูแลชดเชย เมื่อแรงงานเกิดอุบัติเหตุหรือป่วย

ขณะที่ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ในอดีตมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นจริง แต่ในรัฐบาลชุดนี้มีคณะกรรมการเข้ามาดูแลเรื่องแรงงาน ทำให้ปัญหาเหล่านี้ลดลง แต่วันนี้ผู้ประกอบการจะเป็นฝ่ายกลัวมากกว่า เพราะหากไม่มีแรงงานพม่าแล้ว ก็ไม่สามารถประกอบการได้ เพราะไทยไม่มีแรงงาน ซึ่งแรงงานพม่าส่วนใหญ่ จะอยู่ในจังหวัดสมุทรปราการ สมุทรสาคร เชียงใหม่ และสุราษฎร์ธานี

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เรื่องของการรักษาพยาบาล นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งให้มีการอนุมัติให้แรงงานต่างด้าวเข้าสู่โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งแรงงานที่จะได้รับสิทธิจะต้องมีการพิสูจน์สัญชาติที่ชัดเจน รวมถึงได้รับค่าแรง 300 บาท ซึ่งมีผลทั่วประเทศในวันที่ 1 ม.ค.56 ตนยืนยันให้ผู้ประกอบการดูแลแรงงานในเรื่องของการรักษาพยาบาล และสิทธิ เพราะเราจะเหมือนพี่น้องกัน อาจจะมีข้อบกพร่องบ้าง แต่ก็จะพยายามต่อไป ยืนยันจะดูแลแรงงานพม่าให้ดีที่สุด มีปัญหาน้อยที่สุด และจะอนุญาตให้ลูกหลานพม่าได้ศึกษา เพราะเชื่อว่า จะเป็นการสร้างสัมพันธ์ที่ดี จะเป็นการเชื่อมทางด้านวัฒนธรรม และความเข้าใจระหว่างพ่อแม่กับผู้ประกอบการให้ดีขึ้น เพราะรู้ภาษาไทยมากขึ้น

สำหรับผู้ลี้ภัยพม่าที่อยู่ใน 4 จังหวัด คือ แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี และราชบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่พักพิงชั่วคราว โดยมีอยู่ประมาณ 140,000 คนนั้น ไทยเองต้องยึดหลักสิทธิมนุษยชน นโยบายรัฐบาลชุดนี้ จะให้ที่พักพิงไปจนกว่าสถานการณ์ในพม่าจะดีขึ้น ผู้ลี้ภัยมีความสมัครใจที่จะกลับไปอย่างมีศักดิ์ศรี เราสัญญา และการเดินทางไปประเทศที่ 3 อย่างเต็มใจ ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 48 แล้ว

ล่าสุดนายกฯสั่งให้ยึดหลักมนุษยธรรม โดยไทยร่วมกับอีกหลายประเทศมีการคัดกรองผู้ลี้ภัย เพื่อดูพื้นฐานนำไปสู่การพัฒนา ทราบคุณสมบัติ ทักษะ เพื่อรัฐบาลจะเพิ่มเติมให้ สร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เป็นการเตรียมความพร้อม ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ เพราะรัฐบาลอยากเน้นในเรื่องของการศึกษา เศรษฐกิจ และเท่าที่ดูรัฐบาลพม่าเองก็มีความเข้าใจ และยืนยันรัฐบาลไทย ไม่มีนโยบายส่งผู้ลี้ภัยกลับประเทศ จนกว่าประเทศพม่าจะมีความพร้อม และจะเร่งพิสูจน์สัญชาติ เพื่อจัดระเบียบแรงงานให้ถูกกฎหมาย เพื่อสวัสดิการที่ดี

ด้านนางอองซาน กล่าวว่า ขอขอบคุณ ซึ่งรู้ว่าท่านมีจิตใจที่เมตตากรุณาเรื่องแรงงานพม่า และผู้ลี้ภัยทุกคนให้ความสนใจ หากสถานการณ์ในพม่าดีขึ้น ก็จะเรียกแรงงานพม่ากลับ ทั้งหมดนี้ตนจะนำไปแจ้งกับแรงงานพม่า ซึ่งแรงงานเหล่านั้นคงดีใจ โดยแรงงานพม่าที่เข้าสู่ประเทศไทย เกิดจากการสู้รบในพม่า แต่เชื่อมั่นว่า เราสามารถอยู่ร่วมกันได้ รัฐบาลไทยดูแลผู้ลี้ภัยไม่ต่างอะไรกับประเทศเดนมาร์ก แม้ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่เล็กกว่า ซึ่งไทยดูแลผู้ลี้ภัยพม่ามานานแล้ว และเพื่ออนาคตของลูกหลานเราเองก็ยอมที่จะให้ไปประเทศที่สาม ซึ่งต้องขอขอบคุณเป็นอย่างสูง ที่ดูแลการศึกษาให้กับเด็กๆ ซึ่งจะเป็นอนาคตของชาติ ซึ่งไม่เหมือนกับเด็กสามัญทั่วไป มีโรงเรียนประถม โรงเรียนมัธยม

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้สร้างความปรองดอง ผู้ลี้ภัยเข้ามาเราไม่จับ เพราะเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ ขณะที่นางอองซาน กล่าวว่า ประเทศไทยเราเป็นพุทธศาสนิกชน เชื่อในเรื่องของความดี ไทยช่วยเหลือผู้อพยพ เพราะพม่าเกิดความปั่นป่วนทางการเมือง เกิดการสู้รบ ทำให้มีผู้อพยพ ขอขอบคุณคนไทย และรัฐบาลไทยที่ช่วยดูแล ตอนที่ตนไปพบแรงงานพม่า ตนก็แยกไม่ออก คนไหนคนไทย คนไหนพม่า หน้าตาเหมือนกันหมด

ทั้งนี้ช่วงท้ายการหารือ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ในเร็วๆ นี้ ตนจะเดินทางไปพม่า เจรจาในเรื่องของความร่วมมือในด้านยาเสพติด ส่วนเรื่องนายพลนะคะมวย ผู้บัญชาการกองทัพกะเหรี่ยงโกะทูบลอ ซึ่งอยู่ในแบล็กลิสต์จริง ขณะที่ นางอองซาน กล่าวว่า เชื่อมั่นในตัวบทกฎหมายไทย ถ้าตามกฎหมายก็ถูกต้อง ส่วนกฎหมายพม่าเป็นกฎหมายที่เลียนแบบอังกฤษ ซึ่งในพม่าไม่ใช่กฎหมายไม่ดี แต่เป็นเพราะศาลไม่ดี ยืนยันว่าปัญหาเกิดจากศาล ซึ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลง ขณะที่ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า สำหรับศาลไทย เชื่อถือได้