Thai / English

แพทย์สปส.ไม่วินิจฉัยคนงานป่วยจากงาน หวั่นขาดสิทธิเงินทดแทน


สมบุญ สีคำดอกแค ประธานสภาเครือข่ายฯ
01 .. 54
http://voicelabour.org/?p=4260

นายษรเข้าร้องทุกข์สภาเครือข่ายกลุ่มผู้ป่วยจากการทำงานฯ หวังรับสิทธิเงินทดแทน หลังกองทุนเงินทดแทน คลินิกโรคจากการทำงานชี้โรคปวดหลังของนายษรเกิดจากยกของหนักจากการทำงาน

การรับเรื่องราวร้องทุกข์ของสภาเครือข่ายกลุ่มผู้ป่วยจากการทำงานและสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย มีกรณีปัญหาคนงาน ที่ทำงานในโกดังสินค้าชื่อดังที่เปิดสาขาทั่วประเทศ ว่า คนงานที่ต้องมีหน้าที่แบกขนของตามใบสั่งของหัวหน้างานวันหนึ่งๆเป็นร้อยๆชิ้น ของที่ต้องขนยกนั้น มีทั้งหนักบ้าง เบาบ้าง เช่น บางครั้งก็ต้องแบกกล่องกระดาษ แบกยกโทรทัศน์เครื่องใหญ่ ตู้เย็น ที่มีน้ำหนักมาก จนคนงานเกิดอาการปวดหลังจำนวนมากในแผนกนั้น

นายษร (นามสมมุติ) ได้เข้ามาปรึกษากับสภาเครือข่ายฯ เพื่อรับคำแนะนำให้เข้ารับการวินิจฉัยกับคลินิกโรคจากการทำงาน(คลินิกแพทย์อาชีวเวชศาสตร์และสิ่งแวดล้อม) ซึ่งแพทย์ได้วินิจฉัยอาการตามคำบอกเล่า การสอบประวัติการรักษาอย่างละเอียด แพทย์ได้ระบุชัดเจนในใบรับรองแพทย์ว่า นายษรปวดหลังและกล้ามเนื้อโครงสร้างกระดูก เกิดจากการยกของหนักจากการทำงาน นายษรได้ส่งเรื่องเพื่อเข้าใช้สิทธิทางกองทุนเงินทดแทน ซึ่งกองทุนเงินทดแทนใช้ระยะเวลาวินิจฉัยถึง 6 เดือน ผลการวินิจฉัยพบว่า นายษรเป็นโรคสืบเนื่องจากการทำงาน

ด้วยความไม่รู้สิทธินายษร ได้ไปรับการรักษาโรงพยาบาลตามสิทธิประกันสังคม โดยเอาผลการวินิจฉัยของกองทุนเงินทดแทน และใบรับรองแพทย์จากคลินิกโรคจากการทำงาน ไปให้ โรงพยาบาลประกันตน ปัญหาแพทย์ไม่ยอมระบุในใบรับรองแพทย์ ตามคำวินิจฉัยของกองทุนเงินทดแทนและคลินิกโรคจากการทำงาน ที่วินิจฉัยว่านายษรป่วยจากการทำงานยกของหนัก โดยเจ้าหน้าที่กล่าวกับคนงานว่า “ให้คนงานเข้าใช้สิทธิประกันสังคม” พร้อมจัดการส่งเรื่องของนายษรส่งกลับไปใช้สิทธิเข้าประกันสังคม ซึ่งไม่ใช่ความต้องการของคนงาน ทำให้อักษรรู้สึกงงว่า ตนเองมีสิทธิอยู่กับกองทุนแล้วทำไมถูกผลักไปใช้สิทธิประกันสังคม เป็นผู้ป่วยนอกงาน ซึ่งนายษรได้สอบถามว่า “ผมจะเสียสิทธิไหมนี่?” ที่เคยป่วยจากการทำงานแล้ว นายษร พยายามขอใบรับรองแพทย์กลับมาเก็บไว้เป็นหลักฐานที่ได้ป่วยรักษาตัวเป็นคนไข้ในแต่ถูกปฏิเสธ ทั้งๆที่ยืนยันว่า ต้องการขอใบรับรองแพทย์ ต้องทนตื้ออยู่นานจึงได้ใบรับรองแพทย์กลับมา แล้วแพทย์ไม่ยอมออกใบรับรองแพทย์ให้ลาหยุดต่อเนื่องอีก เพียงแต่เขียนว่า วันนี้คนไข้ได้มาพบแพทย์ ทั้งที่นายษรยังเจ็บปวดมากไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ทั้งที่เป็นสิทธิที่คนงานพึงจะได้รับตามกฎหมาย เพราะกฎหมายกองทุนเงินทดแทน เปิดให้คนงานมีสิทธิหยุดพักรักษาตัวโดยได้สิทธิทดแทนการลาหยุดงานถึง 1 ปีโดยได้รับค่าจ้าง 60% ของรายได้ และเป็นหน้าที่ของแพทย์ที่จะต้องออกใบรับรองแพทย์ให้มากับคนงาน

นายษร รู้สึกว่า ทำไมการเจ็บป่วยจากการทำงานมันจึงได้เข้าถึงสิทธิยากเย็นเช่นนี้ อย่างนี้นี่เองเพื่อนๆถึงยอมเจ็บตัวฟรี รู้สึกเครียดมาก และรู้สึกว่า ตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมในการปฏิบัติ ทั้งของแพทย์ และของที่ทำงานที่ตนอยู่ แต่นายษรห่วงอนาคตตนเองว่า “ถ้าผมไม่ได้พักรักษาตัวตอนนี้ ผมคงต้องเป็นคนพิการต่อไปแน่ๆ เลยผลยังห่วงเพื่อนๆในที่ทำงานที่เขาเจ็บป่วยปวดหลังกันมาก แต่ยังต้องกัดฟันทนทำงานต่อไป และถ้าใครทนไม่ได้ก็ต้องลาออกไปเอง โดยไม่ได้รับสิทธิอะไรเลย”

ที่สำคัญคือ ถ้ายังเป็นอย่างนี้คนงานจำนวนมาก คงต้องเวียนวนป่วยปวดหลังแบบนี้แล้วก็พิการออกไป บางครั้งเราเห็นพี่น้องคนงานที่ขนของลงจากรถที่บรรทุกของมาส่งตามร้านสะดวกซื้อต่างๆ พอรถเทียบปุ๊บ คนงานที่ขนของ ซึ่งมีเพียง 1 หรือ 2 คน จะหันหลังให้คนบนรถ และเรียงสิ่งของใส่หลังจนท่วมหัว แล้วแบกของ บางครั้งเป็นน้ำดื่ม หรือรังกล่องต่างๆ เอาเข้าไปเก็บ ขนอยู่อย่างนั้น จนพอแล้วก็ออกรถไปส่งที่อื่นอีก เลยอยากฝากผ่านมายังพี่น้องคนงานทั้งหลายที่ต้องทำงานในลักษณะนี้ว่า มันสะดวกต่อการขนของก็จริงแต่ถ้าต้องขนแบบนี้ต่อไปโดยไม่มีรถเข็นหรือเครื่องทุ่นแรงต่อ แบบนี้ไปนานๆสักปี 2 ปี กระดูกสันหลัง แขน ๆบ่าไหล่ จะแย่อาจเป็นอย่างนายษรได้ อยากให้สถานประกอบการนายจ้างมองปัญหาตรงนี้ด้วยควรป้องกันไว้ก่อนจะดีกว่า เพราะการ้องเรียนผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์สภาเครือข่ายฯช่วงนี้กรณีคนงานปวดหลังกันมากเหลือเกินในทุกๆอุตสาหกรรม