Thai / English

“มาร์ค” เผยปีหน้าเตรียมขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีก 10-11 บาท แย้มเตรียมขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ



29 .. 53
ประชาไท

เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 26 พ.ย. ที่ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “พลิกความท้าทายสู่โอกาส : ประเทศไทย 2554” มีใจความตอนหนึ่ง ว่า ความท้าทายขณะนี้ มีเพียง 2 ด้าน คือ เศรษฐกิจ และการเมือง โดยช่วงเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ค่อนข้างเร็ว จนอาจเรียกได้ว่าดีที่สุดในภูมิภาค และในโลก จีดีพีมีโอกาสขยับใกล้ร้อยละ 8 การว่างงานร้อยละ 1 เงินเฟ้อร้อยละ 3 หนี้สาธารณะต่อจีดีพี ร้อยละ 40 บัญชีเดินสะพัดเกินดุลต่อเนื่อง แต่โลกปัจจุบันความผันผวนเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา สิ่งสำคัญคือ ตั้งสติ เรียนรู้ วางแผน และปรับตัว ซึ่งวิกฤตที่ผ่านมาเป็นเรื่องท้าทาย 2 ด้าน คือ 1.จะต้องเปลี่ยนแปลงอะไร 2.มีอะไรต้องรักษาไว้บ้าง

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า วิกฤตเศรษฐกิจ 1-2 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่เป็นจุดแข็งที่ต้องยืนยันของเราคือ วินัยการเงินการคลัง ขณะนี้ ยังมีบางประเทศ โดยเฉพาะในทวีปยุโรปที่มีปัญหาเรื่องวินัยการเงินการคลัง จนอาจเกิดวิกฤตรอบสอง ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจเวลานี้คือ ความไม่สมดุลระหว่างเศรษฐกิจสหรัฐ และจีน ทำให้เงินทุนไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ปัญหาเวลานี้ ไม่ใช่เงินบาทแข็งค่า แต่เป็นปัญหาเงินดอลลาร์ ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดท่าทีชัด โดยปรึกษากับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตลอดว่า จะไม่ฝืนตลาด ต้องไม่คิดฝืนให้กลับไปที่ 34-35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะทำให้ยิ่งเจ็บหนัก แต่ให้คิดว่าถ้าอยู่ 28-30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จะแก้ปัญหาอย่างไร

นายกฯ กล่าวต่ออีกว่า สิ่งที่ต้องระวังเวลานี้คือ ต้องดูแลไม่ให้เกิดการเข้ามาเก็งกำไรในภาคเศรษฐกิจจริง จนทำให้เกิดปัญหาฟองสบู่ เชื่อว่าผู้ว่าการ ธปท.จะยืนยันได้ แต่จังหวะนี้ ก็เป็นโอกาสทองที่จะนำเข้าเครื่องจักร และเทคโนโลยีที่สำคัญ เป็นโอกาสในการเสริมความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ จากเดิมที่เน้นแต่การส่งออก โดยรัฐบาลมีนโยบายเพิ่มกำลังซื้อในประเทศ ทั้งการขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ในเดือน เม.ย.ปีหน้า และมีนโยบายจะปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็นตัวเลข 2 หลัก ประมาณ 10-11 บาท จาก 2 ปีที่ผ่านมาที่ขึ้นเพียง 2-3 บาท ซึ่งสิ่งนี้ จะทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวว่า ต่อไปเศรษฐกิจไทยจะไม่แข่งขันโดยการกดค่าแรง

ที่มา: http://www.dailynews.co.th