Thai / English

นักลงทุนจ่อย้ายฐานจีนมาไทย

กนอ.เชื่อปีหน้ายอดขายพื้นที่พุ่ง คาดกว่า 1,500 ไร่ เหตุนักลงทุนย้ายฐานจากจีนมาไทย เพราะค่าจ้างแรงงานจีนสูงขึ้นเท่าตัว100% รวมทั้งปัญหามาบตาพุดคลี่คลาย

27 .. 53
โพสต์ทูเดย์

นางประไพวัลย์ มุทิตาเจริญ รองผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ.มั่นใจในปีงบประมาณ 2554 (เดือน ต.ค. 2553 - ก.ย. 2554) จะขายพื้นที่ได้ไม่ต่ำกว่า 1,500 ไร่ เนื่องจากปัจจุบันมีนักลงทุนต่างชาติหลายรายในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม อิเล็ก ทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอัญมณี เตรียมย้ายฐานการผลิตจากจีนเข้ามาอยู่ในไทย เพราะค่าจ้างแรงงานในจีนบางพื้นที่ โดยเฉพาะเมืองกวางตุ้งปรับเพิ่มกว่า 100% รวมทั้งปัญหามาบตาพุดเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี สามารถสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุนกลุ่มญี่ปุ่น ไต้หวัน และจีนได้ โดยนักลงทุนเริ่มทยอยกลับเข้ามาเจรจาหาพื้นที่อีกครั้ง

ขณะที่ประเด็นการปรับขึ้นค่าจ้างของไทย ที่รัฐบาลอาจพิจารณาปรับค่าจ้างขั้นต่ำให้สูงถึงวันละ 250 บาท เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม คงจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติเหมือนกับจีน เพราะนักลงทุนต่างชาติชอบแรงงานไทย เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีคุณภาพและมีความชำนาญในภาคอุตสาหกรรมมายาวนาน สามารถผลิตสินค้าที่เพิ่มมูลค่าได้ และไทยยังเป็นศูนย์กลางของฐานการผลิตอุตสาหกรรมหลายประเภท

“ในกลุ่มอาเซียนต่างชาติกำลังมองประเทศไทยกับเวียดนาม โดยเวียดนามจะได้เปรียบไทยเฉพาะค่าแรงที่ต่ำ แต่ไทยจะได้เปรียบในเรื่องโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมต่อเนื่อง สถานที่ท่องเที่ยวในการพักผ่อน นโยบายส่งเสริมของรัฐบาล และค่าเงินบาทที่มีเสถียรภาพมากกว่าค่าเงินด่อง” นางประไพวัลย์ กล่าว

สำหรับปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าของไทย แม้จะมีผลกระทบต่อผู้ส่งออกที่อยู่ในพื้นที่ในนิคมอุตสาห กรรมบ้าง แต่ส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ จึงมีระบบการบริหารที่ดี ส่วนปัญหาการนำเงินเข้ามาลงทุนของต่างชาติคงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะส่วนใหญ่ในกลุ่มประเทศเอเชียก็มีปัญหาค่าเงินแข็งตัวเกือบทุกประเทศ ทำให้แต่ละประเทศต่างมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนต่างประเทศเพื่อป้อนสินค้าแก่ผู้บริโภคของประเทศตนเอง โดยเฉพาะจีนและญี่ปุ่น

นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน กล่าวว่า ในปีนี้ บริษัทเพิ่มเป้าขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมอมตะจาก 900 ไร่ เป็น 1,500-2,000 ไร่ เนื่องจากบริษัทจะมีการเซ็นสัญญากับลูกค้าประมาณ 11-12 ราย ในช่วงเดือน ก.ย.นี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเก่าที่ต้องการขยายกำลังการผลิตเดิมทั้งจากประเทศญี่ปุ่น ยุโรปและอเมริกา เช่น กลุ่มยานยนต์ และเครื่องมือทางการเกษตร ส่วนครึ่งปีแรกผ่านมาบริษัทขายที่ดินไปแล้วทั้งหมด 252 ไร่ ซึ่งมากกว่าปี 2552 ทั้งปีที่ขายได้เพียง 250 ไร่