Thai / English

สธ.หวั่นคนไทยติด 5 โรคร้าย ชี้แรงงานต่างด้าวตัวพาหะ!



16 .. 53
ผู้จัดการ

สธ.เตือนนายจ้าง - ประชาชนที่อยู่ใกล้ชิดแรงงานต่างด้าวเฝ้าระวังหลังพบวัณโรค ไข้มาลาเลีย เอดส์ระบาดเพิ่มขึ้น ระบุแรงงานต่างด้าวที่ไม่ลงทะเบียนเสี่ยงสุด พร้อมจับตาโรคอุบัติซ้ำ ทั้งกาฬหลังแอ่น โรคเท้าช้างหวั่นแพร่ระบาด ชี้พบโรคติดต่อจากแรงงานพม่ามากที่สุด

ในระยะไม่กี่ปีที่ผ่านมาประเทศไทยถือเป็นแหล่งขุดทองแหล่งใหญ่ที่ดึงดูแรงงานต่างด้าวจากรอบๆประเทศเข้ามาขายแรงงานมากขึ้นโดยเฉพาะแรงงานจากพม่า กัมพูชาและ สปป.ลาว ซึ่งการเข้ามาขายเหงื่อแลกเงินของแรงงานเหล่านี้ได้นำเอา “โรคอุบัติซ้ำ”หรือ(Re-emerging Infectious Diseases) หมายถึง โรคติดเชื้อที่เคยแพร่ระบาดในอดีตและสงบไปแล้วเป็นเวลานานหลายปี แต่กลับมาระบาดขึ้นอีกตัวอย่างโรคติดเชื้ออุบัติซ้ำ เช่น วัณโรค ไข้เลือดออก มาลาเรีย กาฬหลังแอ่น และโรคเท้าช้าง

เตือนระวัง”วัณโรค” พุ่ง

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค บอกกับ “ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์”ว่าในช่วงห้าปีที่ผ่านมากรมควบคุมโรคติดต่อเฝ้าระวังโรคติดต่อทั้งโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ (Emerging Infectious Diseases) และโรคติดเชื้ออุบัติซ้ำ (Re-emerging Infectious Diseases) อย่างใกล้ชิดพบว่ามีการระบาดเพิ่มขึ้นค่อนข้างรวดเร็ว โดยสาเหตุมาจากการหลั่งไหลเข้ามาทำงานของแรงงานต่างด้าวโดยเฉพาะแรงงานสัญชาติพม่า จากเดิมนั้นมีการขึ้นทะเบียนน้อยจึงไม่สามารถรู้ได้ว่าแรงงานเหล่านี้ได้มาพร้อมโรคระบาดอุบัติซ้ำซึ่งหายไปจากเมืองไทยแล้ว เช่น วัณโรค ไข้มาลาเลียไข้กาฬหลังแอ่น และโรคเท้าช้าง แต่หลังจากที่มีการพบการระบาดเราก็เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและได้มีการควบคุมโดยพยายามประสานไปยังกระทรวงแรงงานให้มีการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวเพิ่มขึ้น

“โรคอุบัติซ้ำเกิดจากแรงงานต่างด้าวเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์จึงต้องให้มีการขึ้นทะเบียนแล้วทำขั้นตอนการตรวจร่างกายอย่างละเอียดจึงจะจัดการกับปัญหานี้ไม่ให้ลุกลามขยายไปยังประชาชนโดยทั่วไปได้ ทุกวันนี้ วัณโรค และไข้มาลาเลียจะยังระบาดในหมู่แรงงานต่างด้าวแต่ก็สามารถจัดการให้อยู่ในกรอบจำกัดที่เราสามารถควบคุมได้”

อย่างไรก็ตามอยากจะเตือนนายจ้างที่แอบจ้างแรงงานโดยไม่มีการขึ้นทะเบียนและตรวจร่างกายให้หมั่นตรวจอาการของลูกจ้างว่าหากพบว่ามีการไอมากผิดปกติควรจะนำลูกจ้างไปพบแพทย์โดนทันที ทั้งนี้เพราะจากการรวบรวมสถิติอย่างไม่เป็นทางการแล้วเราเชื่อว่าจะมีแรงงานต่างด้าวที่เข้าไปทำงานตามบ้านเรือนทั่วไปจำนวนมากซึ่งหากนายจ้างปล่อยปละละเลย อาจจะกลายเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อโรคได้

รองอธิบดีกรมควบคุมโรค อธิบายต่อว่า ในระยะ 5 ปีที่ผ่านมามีแนวโน้มพบแรงงานต่างด้าวป่วยเป็นวัณโรคที่อยู่ในระยะแพร่เชื้อ ซึ่งเป็นอันตรายต่อคนรอบข้างและชุมชน เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัว จาก 47 รายในปี 2547 เป็น 108 รายในปี 2551 และมีอัตราการรักษาหายขาดเพียงร้อยละ 77 และขณะนี้คาดว่ามีแรงงานต่างชาติและผู้ติดตามเข้ามาอยู่ในประเทศไทย 5-6 ล้านคน กำลังมีปัญหาสำคัญคือการนำโรคติดต่อต่างๆ เข้ามาแพร่กระจายในประเทศด้วย ทำให้หลายโรคที่ไทยเคยควบคุมได้กลับมาเป็นปัญหาอีก อาทิ วัณโรค มาลาเรีย เอดส์ เป็นต้น

“ จากการวิเคราะห์กลุ่มต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาวและกัมพูชา ซึ่งขึ้นทะเบียนกับกระทรวงมหาดไทยมีประมาณ 1.7 ล้านคน มีแรงงานผ่านการตรวจสุขภาพตามกฎหมายเพียง 462,236 คน ส่วนใหญ่เป็นพม่าหรือมีประมาณ 1 ใน 4 ยังเหลือผู้ที่ไม่ผ่านการตรวจสุขภาพเลยอีกกว่า 1 ล้านคน จึงเป็นเรื่องที่น่าห่วงมาก เพราะคนไทยในเขตเมืองจะเพิ่มความเสี่ยงติดโรคสูงขึ้น ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัวและเราไม่สามารถปล่อยปละละเลยได้อย่างเด็ดขาด”

อย่างไรก็ตามกระทรวงสาธารณสุขได้รับผลการตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวล่าสุด จำนวน 462,236 คน พบเป็นวัณโรค เท้าช้าง โรคเรื้อน ซิฟิลิส มาลาเรีย และพยาธิลำไส้ รวม 4,915 คน ในจำนวนนี้อยู่ในระยะแพร่เชื้อ 113 คน ถือว่ามีอันตราย ต้องรับตัวเข้ารักษาและรอส่งตัวกลับประเทศ โดยโรคที่พบมากที่สุดคือ วัณโรคล่าสุดในปีนี้พบเป็นโรค 3,147 คน อยู่ในระยะแพร่เชื้อ 77 คน นอกจากนี้ยังพบปัญหาตั้งครรภ์ปีละกว่า 7,000 คน เพิ่มภาระภาครัฐต้องแบกรับค่ารักษาพยาบาลถึงปีละ1,343 ล้านกว่าบาท

จับตา ไข้กาฬหลังแอ่น - เท้าช้าง ระบาด

แม้วัณโรคจะเป็นโรคระบาดที่พบมากที่สุดในหมู่แรงงานต่างด้าวแต่โรคกาฬหลังแอ่นและโรคเท้าช้างก็เป็นโรคติดต่ออีกสองชิดที่ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะนายจ้างไม่ควรมองข้ามเพราะโรคนี้แม้จะหายไปจากบ้านเราแล้วแต่ปัจจุบันพบว่ากลับมาระบาดอีกครั้งโดยมีพาหะจากแรงงานต่างด้าว ซึ่งโรคกาฬหลังแอ่นนั้นเป็นโรคติดต่อทางระบบหายใจ มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย (Neisseria meningitidis) ที่มีแหล่งสะสมตามธรรมชาติคือคน มีการติดต่อได้ด้วยการหายใจเอาเชื้อเข้าไปหรือสัมผัสกับเสมหะเพราะเชื้อนี้มีคนเป็นแหล่งโรคเท่านั้น

“โรคนี้พบในประเทศไทยประปรายโดยข้อมูลล่าสุดพบเมื่อปี พ.ศ.2538โดยมีการระบาดในนักโทษและเสียชีวิต 1 รายและปี 2539 มีผู้เสียชีวิต 2 ราย จากสถิติที่ผ่านมาพบผู้เสียชีวิตไม่เกิน 10 รายต่อปี ที่พบและเป็นข่าวโด่งดังก็คือการเป็นไข้กาฬหลังแอ่นของ “สายัณห์ ดอกสะเดา” ดาราตลกชื่อดังนั่นเอง ที่สำคัญตอนนี้เราพบถี่ขึ้นและเริ่มมีการแพร่ระบาดในหมู่แรงงานต่างด้าวแม้พบไม่มากแต่ก็ไม่ควรประมาท”

นอกจากโรคกาฬหลังแอ่นแล้วโรคเท้าช้างก็เป็นอีกโรคหนึ่งที่พบในบ้านเราถี่ขึ้นจากเดิมที่สามารถควบคุมได้แล้ว ปัจจุบันมีการระบาดแล้วในแถบภาคใต้ที่ติดชายแดนใกล้พม่า และล่าสุดจากการสำรวจต่อมาโดยกองโรคเท้าช้างพบว่าโรคนี้ได้แพร่เฉพาะอำเภอสังขละบุรี ทองผาภูมิ และบางตำบลของอำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดอื่นๆบริเวณชายแดนไทย-พม่า ได้แก่ ตาก แม่ฮ่องสอน

โดยโรคนี้เกิดจากพยาธิตัวกลมที่พบบ่อยคือเชื้อ Wuchereria bancrofti และ Brugia malayi ซึ่งอาศัยอยู่ในคนเท่านั้น ซึ่งเชื้อจะเข้าท่อน้ำเหลือง ต่อมน้ำเหลือง เชื้อจะอยู่ในร่างกายคนได้ 4-6 ปีและออกลูกออกหลานเป็นล้านตัวเข้ากระแสเลือด ยุงกัดคนที่เป็นและรับเชื้อไป เมื่อไปกัดคนอื่นจะปล่อยเชื้อสู่คนอื่นได้ โดยผู้ป่วยอาการที่สำคัญคือมีอาการบวมของอวัยวะที่พบได้บ่อยคือ ขา แขน อวัยวะเพศ

“โรคเหล่านี้หากมีการควบคุมไม่ดีและไม่เฝ้าระวังติดตามอย่างต่อเนื่องเชื่อว่าในไม่ช้าจะกลายเป็นโรคระบาดที่น่ากลัวที่สุดเช่นกัน”รองอธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวในที่สุด