Thai / English

"สุวิทย์-อธิบดีอุทยานฯ"ค้านกรมบัญชีกลางให้จ้างเหมาบ.เอกชนทำงาน อ้างพนง.พิทักษ์ป่า3หมื่นคนส่อตกงาน



02 .. 53
เครือมติชน

"สุวิทย์-อธิบดีอุทยานฯ"ค้านกรมบัญชีกลางอ้างมติ ครม. ทำหนังสือถึงให้จ้างเหมา"บ.เอกชน"ทำงานแทนลูกจ้างประจำ ชี้กระทบพนักงานพิทักษ์ป่าทั่ว ปท. 3 หมื่นคนส่อตกงาน ลั่นไม่เหมาะสม แจงลูกจ้างส่วนใหญ่คนท้องถิ่นมีความชำนาญเฉพาะตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง มีหนังสือถึงกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) อ้างมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2553 ให้ส่วนราชการยุบตำแหน่งข้าราชการที่เกษียณอายุ ตำแหน่งลูกจ้างประจำหมวดแรงงานที่ว่างลงและให้ทบทวนงานที่สามารถถ่ายโอนให้บริษัทเอกชนรับไปดำเนินการแทน ซึ่งจะกระทบกับลูกจ้างของกรมอุทยานแห่งชาติฯอย่างมาก โดยเฉพาะตำแหน่งพนักงานพิทักษ์ป่าทั่วประเทศ จำนวนกว่า 30,000 อัตรา

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 กันยายน นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ให้สัมภาษณ์ว่า ล่าสุดได้เรียกเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องของกรมอุทยานแห่งชาติฯ และกรมป่าไม้หารือ ได้ข้อสรุปว่ากรมอุทยานแห่งชาติฯ และกรมป่าไม้ ไม่สามารถใช้วิธีการจ้างเหมาโดยบริษัทเอกชนได้ เนื่องจากลักษณะงานไม่เหมาะสม ทั้งนี้ ลูกจ้างของกรมอุทยานแห่งชาติฯส่วนใหญ่ซึ่งมีมากกว่า 30,000 คน ทั่วประเทศนั้น จะต้องปฏิบัติงานในพื้นที่ป่า ในเรื่องการพิทักษ์รักษาป่าและทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งต้องใช้คนท้องถิ่นในพื้นที่ที่มีความชำนาญการเฉพาะตัว ไม่สามารถใช้คนของบริษัทเอกชนมาทำงานแบบจ้างเหมาได้ จึงได้ชี้แจงกับอธิบดีกรมบัญชีกลางแล้ว

นายจตุพรกล่าวว่า พนักงานพิทักษ์ป่าส่วนใหญ่ทำงานด้วยใจ เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นของตัวเอง แต่ละคนจะมีความชำนาญเฉพาะพื้นที่ จะให้คนนอกพื้นที่มาทำก็ทำงานยาก และไม่ค่อยมีใครมาทำ ยกตัวอย่างเหตุการณ์ในช่วงที่ผ่านมา ที่เฮลิคอปเตอร์คณะของนายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช อดีตปลัด ทส. ตกที่ จ.น่าน ก็ได้อาศัยเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าในพื้นที่เป็นผู้ค้นหา เพราะมีความชำนาญและรู้จักสภาพพื้นที่เป็นอย่างดี การจะเอาคนนอกมาทำนั้นไม่สามารถทำได้ และไม่เหมาะสมอย่างมาก ซึ่งเมื่อชี้แจงไปแล้วก็หวังว่ากรมบัญชีกลางจะเข้าใจ ทั้งนี้ การจ้างงานของกรมอุทยานแห่งชาติฯ และกรมป่าไม้ ไม่เหมือนการจ้างงานของหน่วยงานอื่นๆ เพราะรูปแบบการปฏิบัติงานแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

"อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภารกิจอื่นๆ เช่น พนักงานทำความสะอาด เจ้าหน้าที่ดูแลอาคารสถานที่ หรือผู้ดูแลบ้านพักตามอุทยานแห่งชาติต่างๆ ก็อาจจะพิจารณาว่าจ้างบริษัทเอกชนมาดำเนินการให้เข้าเกณฑ์ของกรมบัญชีกลางตามความเหมาะสม" อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯระบุ

นายจตุพรกล่าวว่า ขณะนี้สำนักงบประมาณได้พิจารณาอนุมัติงบประมาณในส่วนเงินค่าตอบแทนสำหรับพนักงานพิทักษ์ป่าทั่วประเทศประมาณ 1,500 ล้านบาท สำหรับพนักงานกว่า 30,000 คนทั่วประเทศ ซึ่งกำลังพิจารณาว่าพนักงานพิทักษ์ป่าควรจะได้รับค่าตอบแทนมากกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งที่ผ่านมาค่าตอบแทนของพนักงานพิทักษ์ป่า 4,000 บาทต่อเดือน และไม่มีสวัสดิการอื่น ทั้งนี้ ถือได้ว่าพนักงานพิทักษ์ป่าแต่ละคนมีภารกิจต้องดูแลป่าเฉลี่ยคนละประมาณ 10,000 ไร่ โดยพื้นที่ป่าที่กรมอุทยานแห่งชาติฯดูแลนั้นมีจำนวน 73 ล้านไร่ กรมป่าไม้ 140 ล้านไร่ เฉพาะบุคลากรที่มีอยู่ทั้ง 2 หน่วยงานในปัจจุบันก็ไม่เพียงพออยู่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นการทำงานที่หนักมาก

นายจตุพรกล่าวว่า ทั้งนี้ กรมอุทยานแห่งชาติฯกำลังหาช่องทางเพื่อจัดทำสวัสดิการ โดยเฉพาะการทำประกันชีวิตและการดูแลครอบครัวของพนักงานพิทักษ์ป่าเหล่านี้เพิ่มเติมด้วย เพราะแต่ละปีมีพนักงานพิทักษ์ป่าถูกลอบทำร้ายจนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่สุ่มเสี่ยง เช่น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และภาคเหนือ แต่ในส่วนของข้าราชการนั้น ในปีที่ผ่านมากรมอุทยานแห่งชาติฯมีมติพิจารณาให้ 2 ขั้น กับเจ้าหน้าที่ของเราที่ปฏิบัติงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกคน

นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ กล่าวว่า ตามหลักการพนักงานพิทักษ์ป่าควรจะมีสวัสดิการและสวัสดิภาพมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะคนเหล่านี้เสียสละตัวเองทุกอย่าง แต่ขณะนี้ได้รับค่าตอบแทนน้อยมาก ยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงเพราะพวกลักลอบตัดไม้ต้องการจะเอาชีวิตเพราะไปขัดขวางงานของพวกเขา ยืนยันว่าเวลานี้พนักงานพิทักษ์ป่าก็มีจำนวนไม่เพียงพอกับภารกิจและงานที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ และกรมป่าไม้มีอยู่แล้ว นอกจากลดจำนวนลงไม่ได้แล้ว ยังต้องขอเพิ่มกำลังคนอีกด้วย ซึ่งการยุบรวมทั้ง 2 หน่วยงานเข้าด้วยกันก็จะทำให้ภารกิจการดูแลรักษาป่าทำได้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น