Thai / English

สปส.หวั่นจ่ายเงินชราภาพปี 2557 ทำพิษ ขึ้นเงินสมทบเป็น 4 % เล็งเพิ่มลงทุนด้านอสังหาฯ ในต่างประเทศ



04 .. 53
เครือมติชน

สปส.หวั่นจ่ายเงินชราภาพปี 57 ทำกองทุนแย่ หาวิธีสร้างรายได้เพิ่ม เล็งปฏิรูปใหม่ ปรับเงินสมทบจากร้อยละ 3 เป็นร้อยละ 4 ขยายอายุการรับจาก 55 เป็น 62-63 ปี อ้างตามมาตรฐานสากล เล็งลงทุนอสังหาฯ ต่างประเทศเพิ่ม

นายปั้น วรรณพินิจ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 3 มกราคม ถึงการดำเนินการของกองทุนประกันสังคมในปี 2553 ว่า จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหลายประการ เพื่อประสิทธิภาพและความมั่นคงของกองทุน ซึ่งหลายฝ่ายเป็นห่วงว่าภายในปี 2557 ที่เริ่มมีการจ่ายเงินกรณีชราภาพ จะทำให้สถานะของกองทุนย่ำแย่ เพราะปริมาณเงินไหลออกมากกว่าไหลเข้านั้น จะมีการเพิ่มช่องทางการลงทุนและปรับปรุงการเก็บเงินสมทบ ทั้งนี้ ในปี 2552 กองทุนมีรายได้กว่า 24,000 ล้านบาท ไม่รวมกำไรอีกกว่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่ลงทุนในต่างประเทศ

นายปั้น กล่าวว่า การลงทุนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในสินทรัพย์ที่มั่นคง เช่น พันธบัตร ราวร้อยละ 87-88 ส่วนอสังหาริมทรัพย์จะลงทุนไม่เกินร้อยละ 5-6 ซึ่งในอนาคตจะขยายผลการลงทุนทางเลือกมากขึ้น โดยเฉพาะพวกโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมัน พืชพลังงาน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหาประสบการณ์ โดยดูประสบการณ์จากต่างประเทศ ส่วนการลงทุนในต่างประเทศรอบนี้นั้น จะเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ด้วย เพราะขณะนี้ราคาหุ้นของอสังหาริมทรัพย์ตกลงถึงเกือบสุดแล้ว โดยเฉพาะสหรัฐและยุโรปบางส่วน เชื่อว่ามูลค่าของที่ดินต่างประเทศจะต่ำสุดราวกลางปีหน้า หรืออย่างช้าสุดไม่เกินไตรมาสที่ 3 ฉะนั้น การลงทุนในส่วนนี้จึงน่าสนใจ

"เงินลงทุนในต่างประเทศปีนี้ จะใช้ประมาณ 600 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็น 1 ใน 6 ของเงินลงทุนในต่างประเทศ ที่เหลือเป็นการลงทุนในหุ้น 200 ล้านเหรียญสหรัฐและพันธบัตร 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะเดียวกัน ได้มีการลงทุนในต่างประเทศไปแล้ว 680 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีทรัพสินเพิ่มเป็น 730 ล้านเหรียญสหรัฐ" นายปั้น กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในตลาดต่างประเทศ มีความเสี่ยงสูงเกินไปหรือหรือไม่ นายปั้น กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับจังหวะเวลาว่า สปส.จะปล่อยให้ตัวแทนเริ่มลงทุนเมื่อใด โดยมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน และสปส.มีส่วนร่วมตัดสินใจ

"นอกจากการหารายได้เพิ่มแล้ว ในส่วนของกองทุนชราภาพมีแผนว่า จะปรับหลายเรื่อง เช่น ฝ่ายลูกจ้างบอกว่าการจ่ายเงินสมทบกรณีชราภาพร้อยละ 3 น้อยไป และอาจให้เพิ่มเป็นร้อยละ 4-5 พร้อมทั้งขยายอายุการรับ 55 ปี ซึ่งสากลรับกันที่อายุ 62-63 ปี ขณะที่ระยะเวลาจ่ายเงินสมทบขณะนี้ อยู่ที่ 180 เดือน จึงจะได้รับสิทธิ ก็ควรขยายเพิ่มเติมกว่านี้ เพราะมีจำนวนคนเข้าสู่ระบบเรื่อยๆ คนหนุ่มสาวต้องมาทำงานแทนคนแก่ หรือวัยกลางคนที่ออกไป คนหนุ่มสาวจะมาอยู่ตำแหน่งเดิมของคนที่ออกไป แต่ไม่ได้แทนตำแหน่ง มาทำตำแหน่งล่างๆ และไต่ขึ้นไป เท่ากับ นาย ก. เป็นคนใหม่เข้ามา นาย ข. ออกไป ออกไปกองทุนก็ดูแล และปีหน้าจะแก้ไขอัตราการจ่ายเงินสมทบ ขณะนี้ต่ำสุดอยู่ที่ 1,650 บาท เราเห็นว่า มันไม่ใช่ เพราะเป็นไปไม่ได้ ที่เขาจะมีรายได้แค่วันละ 80 บาท แม้แต่ค่าจ้างขั้นต่ำสุดก็ยังร้อยกว่าบาท เป็นเรื่องการหลบเลี่ยงหรือไม่ ซึ่งมีหลายหมื่นคน เป็นการแจ้งของนายจ้าง แล้วลูกจ้างก็ไม่เรียกร้องพอใจกับการจ่ายเงินสมทบอัตรา 1,650 บาท เราจึงจะเพิ่มฐานขึ้น แต่ยอดเพดานที่ 15,000 บาท ยังไม่เพิ่มขึ้น โดยเรื่องนี้จะต้องออกเป็นกฎกระทรวง" นายปั้น กล่าว

เลขาธิการ สปส.กล่าวว่า สาเหตุที่ยังไม่เพิ่มเพดานบนจาก 15,000 บาท เพราะอาจส่งผลถึงการคำนวณบำนาญ โดยขณะการจ่ายสิทธิประโยชน์คำนวณจาก 60 เดือนสุดท้ายของเงินเดือน โดยต้องจ่ายให้ครบทั้งหมด 180 เดือน ถามว่าเป็นธรรมหรือไม่สำหรับคนที่จ่ายเงินกว่า 10,000 บาท ที่ต้องออกจากงานก่อน แต่ยังส่งต่อตามมาตรา 39 แต่ฐานเงินเดือนไม่ใช่กว่าหมื่นบาทแล้ว หากเหลือแค่ 4,800 บาท ดังนั้น จึงน่าจะคิดเฉลี่ยรวมทั้งหมด 180 เดือน