Thai / English

อย่าใช้แผนชั่วโยนบาปสหภาพ-พนักงานรถไฟ!!



28 .. 52
ผู้จัดการ

“ผ่าประเด็นร้อน”

ต้องยอมรับว่าปัญหาการบริหารภายในการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) มีมากมายและเต็มไปด้วยการทุจริตคอร์รัปชันกันอย่างมโหฬาร ทั้งที่มีทรัพย์สินมีที่ดินในย่านทำเลทองทั่วประเทศมีมูลค่ามหาศาล

เป็นรัฐวิสาหกิจที่ก่อตั้งมานาน และนับตั้งแต่รัชกาลที่ 5 ทรงสถาปนาการรถไฟมาจนถึงวันนี้รวมแล้วนับร้อยปี แต่ปรากฎว่ายังล้าหลัง ไม่สามารถบริการให้ประชาชนพึงพอใจได้เลย และนับวันมีแต่แย่ลง

นี่คือความจริงที่ปฏิสธไม่ได้!!

แต่ถ้าถามว่ากิจการรถไฟไทยเป็นแบบนี้ได้อย่างไร ก็ต้องตอบว่า เป็นเพราะฝีมือของผู้บริหารที่ห่วยแตก สมคบกับนักการเมืองขี้โกงเข้ามาสูบเลือดสูบเนื้อการรถไฟ มีการทุจริตคอรัปชั่นต่อเนื่องกันมาทุกยุคทุกสมัยจนถึงปัจจุบัน

จนทำให้กิจการการรถไฟแห่งประเทศไทยที่พระพุทธเจ้าหลวงทรงสถาปนาและพระราชทานให้กับคนไทยทุกคน เมื่อร้อยปีก่อนที่ถือว่าทันสมัยที่สุดในทวีปเอเซีย มีวิสัยทัศน์ล้ำยุค มาบัดนี้แทบจะล้าหลังรั้งท้าย เพราะล่าสุดกำลังเบียดสูสีคู่คี่กับกิจการรถไฟเขมรของฮุนเซน ไปแล้ว

ย้ำอีกครั้งก็ได้ว่า ที่เป็นแบบนี้เป็นเพราะการรถไฟมีผู้บริหารที่ไม่เอาไหน และทุจริตคอร์รัปชั่น

ขณะเดียวกัน เวลานี้หลายคนคงจะหงุดหงิดกับการหยุดเดินรถไฟ และฝ่ายที่กำลังตกเป็นผู้ร้ายก็คือ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย เพราะถูกชี้หน้าว่าทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน

แต่อีกมุมหนึ่งก็ต้องตั้งสติหยุดคิดให้ดี ว่าการหยุดเดินรถครั้งนี้ของพนักงานและสหภาพการรถไฟฯไม่ใช่การประท้วงในเรื่องการขอเพิ่มสวัสดิการ หรือเพิ่มค่าแรง หรือเรียกร้องในเรื่องความเป็นอยู่ของพนักงานแต่อย่างใด แต่เป็นการเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาดูแลแก้ปัญหาภายในการรถไฟอย่างจริงจังและโปร่งใส ไม่ให้นักการเมืองหรือทุนการเมืองสามานย์เข้ามาสูบเลือดอีกต่อไป

มองอีกด้านหนึ่งถือว่าบรรดาสหภาพการรถไฟและสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ที่ร่วมต่อสู้ในครั้งนี้ต้องยอมเจ็บปวด ยอมตกเป็นแพะรับบาปแต่เพียงฝ่ายเดียว ที่สำคัญตกเป็นเหยื่อความอำมหิตของฝ่ายการเมืองที่สมคบกับผู้บริหารการรถไฟกำลังใช้ประชาชนเป็นตัวประกันอย่างแท้จริง ไม่ใช่มาจากสาเหตุของกลุ่มสหภาพและพนักงานอย่างที่กำลังถูกทำให้ให้สังคมเข้าใจผิดและตกเป็นผู้ร้าย

หากมองย้อนกลับไปเพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น ก็ต้องพิจารณาจากกรณีเกิดอุบัติเหตุรถไฟสายใต้ตกรางที่สถานีเขาเต่า อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก

หลายคนด่วนสรุปทันทีว่าพนักงานขับรถเป็นคนผิดและถูกลงโทษให้ออก แม้ว่าหากพิจารณาอย่างตรงไปตรงมาก็น่าจะใช่ที่จะต้องรับผิดชอบด้วย แต่ผู้บริหารโดยเฉพาะตั้งแต่ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทยลงมาไม่ต้องรับผิดชอบใดๆเลยหรือ

ผู้ว่าการการรถไฟฯ ที่ชื่อ ยุทธนา ทัพเจริญ รวมไปถึงที่เหนือขึ้นไปอย่าง โสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ไม่รู้ร้อนรู้หนาวไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลยหรือ

เพราะสาเหตุที่เกิดอุบัติเหตุดังกล่าวสิ่งสำคัญก็คือ อุปกรณ์ที่ไร้ประสิทธิภาพและขาดแคลน ซึ่งนั่นคือการสะท้อนถึงการบริหารที่ไร้ประสิทธิภาพ

หากเปรียบเทียบกับต่างประเทศถ้ามีอุบัติเหตุร้ายแรง หรือมีความวุ่นวายภายในองค์กรผู้บริหารก็ต้องแสดงสปิริตลาออกไปตั้งนานแล้ว

ตรงกันข้ามกลับนิ่งเฉย เสมือนหนึ่งว่าต้องการกลบเกลื่อนความผิดของตัวเองที่เคยก่อไว้ เพราะก่อนหน้านี้ทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิจ (สตง.) ได้เคยสรุปว่า ยุทธนา ทัพเจริญ เมื่อครั้งเป็นรองผู้ว่าการรถไฟฯมีปัญหาส่อไปในทางทุจริตกรณีการเช่าที่ดินบริเวณตลาดนัดซันเดย์ และกระทั่งมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟฯก็ยังถูกระบุว่าใช้อำนาจมิชอบแต่งตั้งคนใกล้ชิดที่เคยถูกให้ออกงานกลับมาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายทรัพย์สิน

และที่สำคัญ ยุทธนา ทัพเจริญ คนเดียวกันนี้เองที่ออกมายอมรับว่าเป็นผู้สั่งให้หยุดรถไฟและทิ้งผู้โดยสารเผชิญชะตากรรมที่สถานีรถไฟละแม จังหวัดชุมพร โดยอ้างว่าเกรงจะถูกยึดหัวรถจักร ซึ่งมีการวิเคราะห์กันว่านี่คือแผนป้ายความผิดให้กับพนักงานและสหภาพการรถไฟฯอย่างเลือดเย็น และจะนำไปเป็นสาเหตุเป็นข้ออ้างเพื่อแปรรูปการรถไฟ เพื่อให้กลุ่มทุนเข้ามาหาผลประโยชน์ ดังที่เคยมีความพยายามมาแล้วหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ เพราะถูกขัดขวางจากกลุ่มสหภาพฯนั่นเอง

ดังนั้น ด้วยความเคลื่อนไหวดังกล่าวมาทั้งหมดก็ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน และต้องยอมรับตรงกันว่ากิจการรถไฟไทยถึงเวลาต้องปฏิรูปให้มีความก้าวหน้าทันสมัย และโปร่งใส เพื่อประโยชน์ของคนไทยทุกคน แต่ไม่ใช่ฉวยโอกาสใช้ความเดือดร้อนของประชาชนเข้ามา “แปรรูป” เพื่อเปิดทางให้ทุนสามานย์เข้ามาฮุบเหมือนกับที่เกิดขึ้นกับรัฐวิสาหกิจหลายแห่งก่อนหน้านี้

ที่สำคัญวิกฤตรถไฟครั้งนี้ ผู้บริหารที่ไล่ลงมาตั้งแต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและผู้ว่าการการรถไฟฯต้องรับผิดชอบ อย่าโยนบาปหรือป้ายความผิดให้กับพนักงาน หรือสหภาพฯ เพราะนี่ไม่ใช่การประท้วงที่เรียกร้องสวัสดิการของพนักงาน แต่เรียกร้องให้รัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ใช้ความกล้าหาญลงมา ผ่าตัดปรับปรุงการบริหารด้วยตัวเอง เพื่อเป้าหมายให้ทุกฝ่ายทั้งองค์กร พนักงานและประชาชนได้รับประโยชน์ในระยะยาว

อย่าบิดเบือน และอย่าอำมหิตเป็นอันขาด!!