Thai / English

ผู้ว่าฯร.ฟ.ท.เชื่อเหตุคนขับส่วนกลางรถไฟใต้หวิดชน"ถูกวางยา" ขู่อีกไม่นานไล่ออกพนง.ประพฤติชั่ว



28 .. 52
เครือมติชน

ผู้ว่าฯร.ฟ.ท.สั่งสอบรถไฟใต้เบรกกะทันหันหวิดชนขบวนอื่น ขู่ไล่ออกพนง.ประพฤติชั่ว แกนนำร่วมปลุกปั่นเข้าข่ายถูกลงโทษ รมว.คมนาคมเล็งใช้หมายศาลจัดการคนขัดขวาง ยันม้าเหล็กยังปลอดภัย "อนุพงษ์"พร้อมส่งทหารช่วยขับ

"มาร์ค"อ้างรถไฟป่วนใกล้ปกติแล้ว

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ว่า นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รายงานให้ ครม.ทราบว่าขณะนี้การเดินรถสายหลักของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) นั้นเป็นปกติ ขณะที่สายท้องถิ่นในพื้นที่ภาคใต้ก็เริ่มเดินรถไปเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา จะมีปัญหาก็เพียงเส้นทาง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ที่มีเหตุวางระเบิดทางรถไฟ เท่ากับว่าได้งดเว้นการเดินรถกรณีเดียวเท่านั้น ครม.ยังได้อนุมัติหลักการ รับลูกจ้างฝ่ายช่างเข้าเป็นพนักงานเพื่อความพร้อมในการเดินรถอีกด้วย

นายกฯกล่าวว่า ได้มีการตรวจสอบความปลอดภัยของหัวรถจักรทั้งหมด ทุกอย่างเป็นไปตามมาตรฐาน จึงสามารถมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัย ส่วนเรื่องการเจรจากับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ หรือ สร.ร.ฟ.ท.สาขาขาดใหญ่ จ.สงขลา ที่นัดกันลาหยุด ลาป่วย และงดเดินรถ ด้วยการกล่าวอ้างเหตุผล เนื่องจากไม่มีความปลอดภัยนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ผู้บริหาร ร.ฟ.ท.ดำเนินการอยู่ แต่ขอให้อย่าเอาเรื่องการบริการประชาชนมาเป็นเงื่อนไข น่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดี น่าจะใกล้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ส่วนเรื่องที่สหภาพคัดค้านการเดินรถไฟท้องถิ่นช่วงนี้นั้น ฝ่ายบริหารก็ต้องดำเนินการ

ผู้สื่อข่าวถามสหภาพระบุว่าหัวรถจักรที่นำออกมาใช้มีความบกพร่องจนใช้ไม่ได้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "ไม่ใช่ เพราะมีการตรวจสอบแล้ว โดยมีรายงานมาว่ามีหัวรถจักร 1 คัน จาก 15 คันที่มีปัญหาอยู่"

"โสภณ"ขู่ดื้อแพ่งใช้หมายศาลจัดการ

นายโสภณกล่าวว่า ประชุม ครม.ได้ยกเว้นมติ ครม. วันที่ 28 กรกฎาคม 2541 ให้ ร.ฟ.ท.รับคนเพิ่มได้ตามจำนวนที่ต้องการคือ 171 คน โดยเป็นฝ่ายช่าง 121 คน ที่เหลือเป็นฝ่ายโยธาและการเดินรถ ส่วนความคืบหน้าการแก้ไขปัญหา นายอภิสิทธิ์ให้กระทรวงเจรจาโดยยึดหลักกฎหมายและไม่นำเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนมาเป็นเครื่องต่อรอง และจะต้องไม่เป็นการเอาชนะคะคานกันระหว่างกระทรวงและ สร.รฟท. แต่ให้ยืนอยู่บนหลักของการแก้ไขปัญหาและอยู่บนหลักการ เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำซาก

"การเจรจาก็จะต้องเจรจาไป แต่รถไฟจะต้องวิ่งด้วย พร้อมที่จะรับฟังปัญหาของ สร.ร.ฟ.ท. แต่จะให้ไปลงนามอะไรก็คงไม่ เพราะไม่เช่นนั้นปัญหาไม่จบ เพราะหากลงนามแล้ว 2-3 เดือนก็มาหยุดงานประท้วงเหมือนที่ผ่านมาเท่ากับปัญหาไม่ได้แก้ไข ส่วนเรื่องความรับผิดชอบที่เหตุการณ์ยังไม่คลี่คลายนั้น ที่ประชุมไม่มีการพูดถึงว่าใครควรออกหรือไม่ควรออก เพราะทุกฝ่ายก็รับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองอยู่" นายโสภณกล่าว

นายโสภณกล่าวว่า หากมีการขัดขวางการปฏิบัติงานก็คงต้องใช้หมายศาล ดำเนินการจับกุมอย่างจริงจัง แม้ว่าหมายศาลจะออกมาตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้ใช้เพราะมีการอะลุ่มอล่วยกัน แต่สุดท้ายหากยังไม่ฟังก็ต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาด ซึ่งการทำดังกล่าวไม่ถือว่ารุนแรงเพราะในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้เป็นพื้นที่ที่มีความอ่อนไหว ซึ่งทางการ ทหาร และตำรวจต่างระวังเรื่องนี้ เพราะเกรงว่าจะมีมือที่ 3 เข้ามาแทรกแซงสร้างสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ใครผิดก็ต้องว่ากันไปตามผิด

ยืนยันรถไฟท้องถิ่น3จว.ปลอดภัย

นายโสภณกล่าวว่า ในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน รัฐบาลจีนได้ยื่นข้อเสนอให้ความช่วยเหลือสนับสนุนเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ วงเงิน 400 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมได้แสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนและพัฒนาระบบโครงข่ายระบบราง ทั้งรถไฟทางคู่และรถไฟความเร็วสูง รวมทั้งมีการทำความตกลงที่จะดำเนินการด้วยวิธีจีทูจี ระหว่างรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศเพื่อดำเนินการสั่งซื้อหัวรถจักร 7 หัว วงเงินกว่า 1 พันล้านบาท เพื่อนำเข้ามาแก้ไขปัญหาภายใน ร.ฟ.ท.ขณะนี้ แต่กว่าจะได้รับมอบก็ไม่น้อยกว่า 3 ปี

ก่อนหน้านั้นในช่วงเช้า ร.ฟ.ท.แถลงว่า วิศวกรกำกับการ ศูนย์ลากเลื่อน ฝ่ายการช่างกล ได้ตรวจสอบความพร้อมของขบวนรถไฟเพื่อความปลอดภัยก่อนนำออกให้บริการในจังหวัดชายแดนใต้ว่า เมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา พบว่าขบวนรถไฟมีความพร้อมและมีความปลอดภัยแน่นอน

ผู้ว่าฯแฉสหภาพกดดันสารพัด

นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.กล่าวถึงการเจรจากับ สร.ร.ฟ.ท.ต้องล่มลงนั้น เนื่องจากระหว่างการเจรจาเห็นว่ามีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน เช่น สร.ร.ฟ.ท.ส่งคนไปเจรจากดกันให้พนักงานขับ ช่างเครื่องหยุดเดินรถที่สถานีบางซื่อ การยื่นหนังสือของแกนนำ สร.ร.ฟ.ท.ที่ทำเนียบรัฐบาล การปิดล้อมหัวรถจักรที่หาดใหญ่ เป็นต้น ฝ่ายบริหารไม่แน่ใจว่า สร.ร.ฟ.ท.มีเจตนาต้องการเจรจากับฝ่ายบริหารหรือไม่

ผู้ว่าการร.ฟ.ท.สั่งสอบ-เชื่อ"วางยา"

นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.กล่าวว่า การที่รถไฟขบวนที่ 463 พัทลุง-สุไหงโก-ลก เคลื่อนตัวจากสถานีหาดใหญ่ได้เพียง 300 เมตร ต้องหยุดรถกะทันหัน เกิดจากการที่หอสัญญาณไม่บังคับราง ทำให้รถเข้ารางเดิม แต่พนักงานขับรถหยุดรถทันจึงไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการวางยาของพนักงานขับรถ ซึ่งได้สั่งการให้มีการสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้แล้ว โดยก่อนหน้านี้ ช่วงเช้า เวลา 10.00 น. รถไฟสายใต้ขบวนเดียวกันนี้ ซึ่งกำหนดออกเดินทางไปสุไหงโก-ลก ก็เกิดอุบัติเหตุมาแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากมีกลุ่ม สร.ร.ฟ.ท.ทำการปิดล้อมหัวรถจักร ทำให้สามารถออกเดินรถได้เพียง 300 เมตรเท่านั้น ไม่สามารถเดินรถต่อได้จนต้องกลับมายังสถานีหาดใหญ่ สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน โดยเฉพาะนักเรียนที่ต้องเดินทางด้วยรถไฟไปโรงเรียนกว่า 1,000 คน ทั้งนี้ ได้ประสานกับกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) จัดรถโดยสารเพื่อรองรับผู้โดยสารที่ตกค้างตามสถานีรถไฟต่างๆ ให้สามารถเดินทางต่อไปได้

นายยุทธนากล่าวว่า กรณีข่าวที่ระบุว่าพนักงานขับจากส่วนกลางที่ลงไปปฏิบัติหน้าที่ในภาคใต้มีการขับรถไฟฝ่าไฟแดงเนื่องจากไม่ชำนาญเส้นทางนั้น ไม่อยากคิดว่าเป็นเรื่องของการกลั่นแกล้ง

ขู่ไล่ออกพนักงานประพฤติชั่ว

"จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความเสียหายให้ ร.ฟ.ท.อย่างมาก ดังนั้น ฝ่ายบริหารจึงได้พิจารณาลงโทษพนักงานที่มีความประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ก่อให้เกิดความเสียหายต่อองค์กรไปแล้ว และเร็วๆ นี้จะไล่ออกพนักงานที่มีพฤติกรรมดังกล่าว" นายยุทธนากล่าว

แหล่งข่าวจาก ร.ฟ.ท. เปิดเผยว่า พนักงานที่เข้าข่ายอาจถูกลงโทษจะเป็นระดับแกนนำของสร.ร.ฟ.ท.ที่มีพฤติกรรมการปลุกปั่น บีบบังคับให้พนักงานรายอื่นหยุดงาน ซึ่งเป็นพนักงานทั้งในส่วนกลางและในพื้นที่ภาคใต้

นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะกรรมการ ร.ฟ.ท. กล่าวว่า ช่วงบ่ายวันที่ 27 ตุลาคม เจ้าหน้าที่บังคับคดีจะลงพื้นที่สถานีหาดใหญ่ เพื่อบังคับให้ดำเนินการตามคำสั่งศาลที่ห้ามมิให้บุคคลใดขัดขวางการให้บริการรถไฟ หากพบว่าสหภาพสาขาภาคใต้ ฝ่าฝืนคำสั่งศาล จะออกหมายจับดำเนินคดีในข้อหาละเมิดคำสั่งศาล โดยพนักงานที่ถูกออกหมายจับจะถูกพักงานและถูกตั้งกรรมการสอบสวนได้ โดยบทลงโทษจะมีตั้งแต่การตัดเงินเดือน จนถึงไล่ออกจากงาน หากนายสาวิทย์ แก้วหวาน ยังฝ่าฝืนคำสั่งศาล ก็จะถูกออกหมายจับเช่นกัน

ผบ.ทบ.พร้อมส่งทหารช่วยขับ

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวระหว่างเดินทางไปตรวจเยี่ยม จ.ยะลา ว่า กรณีรถไฟหยุดวิ่งนั้น เป็นเรื่องของการรถไฟอ้างเหตุผลทางด้านทางเทคนิคความไม่พร้อม ถ้าทางการรถไฟสามารถจัดการในเรื่องดังกล่าวได้ว่ารถปลอดภัย และมีพนักงานขับรถไฟมาขับ ทางเจ้าหน้าที่พร้อมดูแลให้ เพียงแต่ว่าในขณะนี้พนักงานรถไฟในพื้นที่อ้างว่าไม่อยู่ในสภาพความพร้อมทางเทคนิค

"ผมจะปรึกษาหารือกับผู้ว่าการการรถไฟฯว่าถ้าทางเทคนิคพร้อม แล้วขาดคนขับ จะส่งเจ้าหน้าที่มาช่วยสนับสนุน นอกจากนี้ที่อ้างว่าหวั่นสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่นั้น ตัวรถไฟที่ใช้นั้นมีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง เพราะเป็นรถกันกระสุนอยู่ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายแบ่งความรับผิดชอบกัน เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกส่วน ต้องอยู่ในภาวะที่ไม่ปกติอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม จะช่วยดูแลไม่ให้เกิดเหตุ" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว