Thai / English

สหภาพฯ ไล่ประธานบอร์ดททท. ทำงานไม่ดีหรือขัดผลประโยชน์

สร้างความงวยงงให้กับผู้ที่อยู่ในวงการการท่องเที่ยวไม่น้อย

20 .. 52
โพสต์ทูเดย์

เมื่อสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สร.ททท.) ออกมาชุมนุมประท้วงขับไล่ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (บอร์ดททท.) ในการประชุมบอร์ดครั้งที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่านายวีระศักดิ์ไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาเรื่องค่าตอบแทนพนักงานตั้งแต่ปี 2549-2551 ที่คั่งค้างมานาน

ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าสหภาพฯ เองออกอาการชมเปาะว่าประธานคนปัจจุบันเป็นผู้ใส่ใจติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด มากกว่าประธานบอร์ดทุกคนที่มานั่งเก้าอี้นี้ แล้วสาเหตุใดจึงออกมาเย้วๆ ขับไล่ให้พ้นจากองค์กรเหมือนกับคนแปลกหน้า

ก่อนการเคลื่อนไหวไล่นายวีระศักดิ์ครั้งนี้ สหภาพฯ ใช้พนักงานททท. เป็นเครื่องมือในหมากเกมนี้

ทั้งนี้ เพราะการเคลื่อนไหวของสหภาพฯ ในช่วงต้นนั้นมีแต่เพียงเรื่องของการเรียกร้องค่าตอบแทนพนักงานททท. ที่ยังค้างคากันอยู่ในกระบวนการชั้นศาล

สหภาพฯ พยายามปลุกกระแส สร้างมวลชน โดยเอาผลประโยชน์ของพนักงานทุกคนมาเป็น “เครื่องมือ” ในการดึงคนททท. ออกมาเป็นพวก โดยได้สร้างกระแสเรื่องการ “ทวง” ค่าตอบแทนให้พนักงานททท. เห็นว่าฝ่ายบอร์ดเป็นผู้ดึงเรื่องการอนุมัติค่าตอบแทนที่พนักงานททท. สมควรจะได้รับไว้ และเรียกร้องให้พนักงานททท. ไปรวมตัวกัน ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในวันประชุมบอร์ดททท. เพื่อกดดันให้บอร์ดอนุมัติเรื่องดังกล่าว

การปลุกระดมของสหภาพฯ ทำกันถึงเปิดเสียงตามสาย เปิดเพลงปลุกใจ ในทุกช่วงพักกลางวันก่อนวันประชุมบอร์ด เพื่อสร้างความ “ฮึกเหิม” ให้กับพนักงานททท. และก็ได้ผล เมื่อในวันประชุมบอร์ดปรากฏว่ามีพนักงาน “หลงกล” ไปร่วมชุมนุมกันกว่า 200 คน

แต่เมื่อไปถึงสิ่งที่สหภาพฯ ยื่นหนังสือ ถึงบอร์ด คือ ขอให้นายวีระศักดิ์ออกจากตำแหน่ง โดยให้เหตุผลว่า ททท.ถูกล้วงลูกจากฝ่ายการเมืองอย่างหนักผ่านทางนาย วีระศักดิ์ ทำให้ททท.เสียผลประโยชน์อย่างหนัก จนเป็นเหตุให้ต้องมีการขับไล่ในครั้งนี้

ทำเอาพนักงานที่ไปร่วมชุมนุมถึงกับ “อึ้งกิมกี่” เพราะไม่รู้เนื้อรู้ตัวกับการไล่นาย วีระศักดิ์ครั้งนี้แต่อย่างใด แต่เมื่อมาแล้วก็ต้อง “เลยตามเลย” ก็ “เข้าทาง” สหภาพฯ ที่กลายเป็นว่าพนักงานรวมตัวกันไล่นาย วีระศักดิ์

จริงอยู่ แม้ว่าในยุคนายวีระศักดิ์มานั่งเป็นประธานบอร์ดจะมีโครงการต่างๆ ที่มีผลพวงทางการเมืองจากหัวหน้าพรรคตัวจริงเสียงจริงที่บ้านจรัญสนิทวงศ์ ทั้งการล้วงลูกงบประมาณ หรือโครงการต่างๆ ไปลงพื้นที่สุพรรณบุรี หรือให้กับกลุ่มธุรกิจที่มีความใกล้ชิดกับพรรคชาติไทยพัฒนา

แต่การล้วงลูกหรือการดึงงบประมาณต่างๆ ยังไม่ทำให้เหตุการณ์ต่างๆ “สุกงอม” ถึงขนาดที่จะทำให้คนในททท. ออกมาลุกฮือไล่ประธานบอร์ดอย่างที่เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน และด้วยลักษณะนิสัยของคนททท. เชื่อว่า “ไม่กล้า” เคลื่อนไหวออกมาเต้นไล่ประธานบอร์ดออกจากตำแหน่งแน่นอน

ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว แกนนำสหภาพฯ บางคนบอกว่า หากไม่เอาเรื่องค่าตอบแทนมาเป็นตัวชูโรง เชื่อว่าพนักงานไม่ออกมาเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน

เมื่อเป็นอย่างนั้น พนักงานททท. ก็กลายเป็น “เครื่องมือ” ของสหภาพฯ เรียบร้อยไปแล้ว

มีข่าวลือหนาหูว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้มีผลประโยชน์ที่แกนนำบางรายของสหภาพฯ ร้องขอแล้วไม่ได้รับการตอบสนองจากประธานบอร์ดเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

ว่ากันว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เกิดจากแกนนำสหภาพฯ บางรายได้ยื่นเสนอโครงการส่งเสริมพนักงานรัฐวิสาหกิจเดินทางท่องเที่ยว โดยโครงการนี้ต้องนำเงินมาวางไว้ในกองทุนราว 15 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นต้นทุนให้พนักงานรัฐวิสาหกิจทุกหน่วยงานที่มีราว 2-4 แสนคนทั่วประเทศ สามารถกู้ยืมเงินก้อนนี้ได้เพื่อนำไปใช้เดินทางเที่ยวแบบจ่ายก่อนผ่อนทีหลัง

แต่งานนี้ใช่จะฝ่าด่านได้ง่าย เพราะประธานบอร์ดตัดสินใจไม่เอาโครงการนี้ ปฏิบัติการสาวไส้จึงเกิดขึ้นมาเป็นลำดับ นับตั้งแต่การออกใบปลิวโจมตี การออกเสียงตามสาย จนกระทั่งรวมตัวประท้วง

จะเห็นได้ว่า การพุ่งเป้าหมายในครั้งนี้มุ่งไปที่ตัวนายวีระศักดิ์เพียงคนเดียว ในฐานะที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้

เพราะถ้าสังเกตให้ดี การเคลื่อนไหวของสหภาพฯ เหมือนเล่น “ปาหี่” เพราะหากต้องการพูดเรื่องล้วงลูกจริงๆ สหภาพฯ ต้องอยู่รอปะหน้ากับ นายบรรหาร ศิลปอาชา ที่เดินทางเข้ากระทรวงการท่องเที่ยวฯ ในบ่ายวันเดียวกัน แต่สหภาพฯ กลับไม่อยู่รอ “ตัวจริง เสียงจริง” ของการล้วงลูก บอกแต่ว่าไม่รู้ว่านายบรรหารจะเดินทางมากระทรวง ทั้งๆ ที่คนทั้งกระทรวงรู้หมด

แล้วการเรียกร้องในวันนั้น วันนี้ เห็นผลอะไร ไม่รู้ว่าตอนนี้คนในองค์กรททท. ได้หยุดคิดหรือไม่ว่า ตัวเองตกเป็นเครื่องมือใครหรือไม่ ที่จะหาผลประโยชน์หรือไม่

การออกมาฟัดกันเองในครั้งนี้ ภาพได้สะท้อนให้สังคมรับรู้ว่าหน่วยงานของททท. มีการใช้งบประมาณไปในทิศทางใด แม้เรื่องนี้ไม่มีข้อสรุป แต่เชื่อว่าคนที่อยู่เบื้องหลังในครั้งนี้น่าที่จะรู้อยู่แก่ใจว่า เพื่ออะไร ผลประโยชน์ชาติ หรือผลประโยชน์พวกพ้อง