Thai / English

ไทยเรดิเอเตอร์ปลดคนงาน280คน

กลุ่มบริษัทไทยเรดิเอเตอร์ กรุ๊ปปลดคนงาน จ้างลาออกล็อตแรก280 คน ทำพนักงานบางส่วนเสียขวัญหวั่นอนาคตไม่ได้เงินชดเชยชิงลาออกก่อน

04 .. 52
กรุงเทพธุรกิจ

ฉะเชิงเทรา - นายสำรวย สิงห์ลอ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13/121 ม.11 ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นกรรมการสหภาพแรงงานกลุ่มบริษัทไทยเรดิเอเตอร์ กรุ๊ป จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 12/4 ม.6 ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และได้เดินทางมายังบริษัททองไชย อุตสาหกรรม จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 20/1 ม.1 ต.แสนภูดาษ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา

ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ผู้ผลิต ตัวถัง (แซทซี) และระบบช่วงล่างรถยนต์ รวมทั้งชิ้นส่วนยานยนต์ภายในเครื่องยนต์ ทั้ง ท่อน้ำ ท่อน้ำมัน ให้แก่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ อีซูซุ มิตซูบิชิ นิสสัน และรถจักยานยนต์ คาวาซากิ หลังจากทางบริษัทได้มีมาตรการเลิกจ้างคนงานออกจากงานจำนวน 280 คน จากทั้งหมดในเครือกว่า 3 พันคน ในการเลิกจ้างพนักงานออกในครั้งนี้ ถือเป็นชุดแรก ที่ทางบริษัทเปิดโอกาสให้พนักงานที่มีความประสงค์ ที่จะลาออกจากงานด้วยความสมัครใจ โดยที่ได้จ่ายเงินชดเชยตามอายุงานที่กฎหมายแรงงานกำหนดไว้

ก่อนหน้านี้ทางบริษัทได้ใช้มาตรการ ให้พนักงานบางส่วนหยุดงานชั่วคราว จำนวน 190 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นตัวแทนสหภาพแรงงาน และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการเจรจาต่อรองกับทางบริษัทนายจ้าง โดยที่ทางบริษัทได้จ่ายเงินเดือนให้ระหว่างหยุดงาน เป็นเงินร้อยละ 75 ของเงินเดือน ตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ.52 ที่ผ่านมาเป็นเวลา 15 วัน จึงทำให้เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะตัวแทนสหภาพแรงงาน และยังถือว่าขัดต่อกฎหมายแรงงานสัมพันธ์ มาตรา 21ที่ห้ามโยกย้ายพนักงานซึ่งเป็นตัวแทนสหภาพฯ อีกด้วย

" สำหรับกลุ่มบริษัทไทยเรดิเอเตอร์ กรุ๊ป จำกัด นั้น ได้เปิดดำเนินธุรกิจมานานกว่า 25 ปีแล้ว ที่ผ่านมาทางผู้บริหาร ระบุว่า สามารถฝ่าฟันวิกฤติการต่างๆทางเศรษฐกิจ มาได้อย่างราบรื่น มาโดยตลอด แต่มาในปีนี้ถือว่าอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง จึงจำเป็นต้องหามาตรการเพื่อทำให้บริษัทสามารถอยู่รอดต่อไปได้ด้วยการลดค่าใช้จ่ายบางส่วนลง" นายสำรวย กล่าว

ขณะที่ นายวิเศษ เงินล้วน อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 203 ม.2 ต.แซออ อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว คนงานผู้ซึ่งสมัครใจลาออกจากงาน เพื่อแรกกับค่าตอบแทนตามที่กฎหมายกำหนด กล่าวว่า ตนทำงานอยู่ในบริษัทแห่งนี้มานานกว่า 9 ปี แล้ว ที่ตัดสินใจลาออกจากงานในครั้งนี้ เพราะหวั่นเกรงว่าหากอยู่รอต่อไปในอนาคต ทางบริษัทอาจจะไม่มีเงินจ้างพนักงานออกตามที่กฎหมายกำหนด ถ้าหากวิกฤตจากเศรษฐกิจโลกยังส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องไม่หยุดต่อไปอีก จึงตัดสินใจรับเงินทุนเป็นเงินก้อนจำนวนกว่า 1 แสนบาทไว้ก่อนดีกว่า ที่อาจจะไม่ได้อะไรเลยหากจะทนอยู่ต่อไป

ขณะนี้ยังไม่มีเป้าหมายว่าจะไปทำอาชีพอะไร แต่ก็จะออกไปหางานประเภทอื่นทำต่อไป โดยที่ยังจะไม่เดินทางกลับไปยังภูมิลำเนา