Thai / English

ทีดีอาร์ไอเตือนปรับเงินเดือนรัฐวิสาหกิจดูทิศทางลูกจ้างเอกชน



21 .. 50
กรุงเทพธุรกิจ

นักวิชาการ ติง ปรับเงินเดือนพนักงานรัฐวิสาหกิจควรดูทิศทางเงินเดือนลูกจ้างเอกชน ชี้ไม่มีผลกระทบเงินเฟ้อ-เลิกจ้าง ผู้นำแรงงานเสนอตั้งกองทุนประกันความเสี่ยง เตรียมบุกทำเนียบ ขอให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 233 บาท 27 ส.ค.นี้

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นายยงยุทธ แฉล้มวงศ์ ผู้อำนวยการวิจัยเพื่อการพัฒนาแรง งาน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ(ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (ครส.) มีมติให้ปรับเงินเดือนพนักงานรัฐวิสาหกิจขึ้น 4% ว่า คงไม่ส่งผล กระทบกับอัตราเงินเฟ้อมากนัก และแต่ละรัฐวิสาหกิจก็คงจะปรับเพิ่มไม่เท่ากันเพราะความ สามารถในการจ่ายไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ตามการปรับเพิ่มครั้งนี้ควรเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการปรับค่าจ้างขั้นต่ำของลูกจ้างภาคเอกชน เพราะมิฉะนั้นจะถูกครหาได้ว่าฝนตกไม่ ทั่วฟ้า

นายยงยุทธ กล่าวว่า การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำนั้น อาจส่งผลกระทบต่อเรื่องต้นทุนการผลิต 10-15% แต่ก็ต้องปรับให้ลูกจ้าง เพราะเมื่อราชการและรัฐวิสาหกิจปรับเพิ่ม ขึ้น ทำให้ราคาสินค้าขึ้นราคาไปแล้ว ดังนั้นลูกจ้างภาคเอกชนซึ่งมีรายได้น้อยอยู่แล้วควรได้รับการปรับด้วย ซึ่งเชื่อว่าไม่มีผลกระทบต่อเรื่องการจ้างงาน แต่อาจมีผลต่อสถานประกอบ การขนาดกลางและขนาดย่อมที่ไม่มีโครงสร้างเงินเดือนของตัวเอง จึงต้องอิงฐานการปรับเงินเดือนไว้กับค่าจ้างขั้นต่ำ

นายสมเกียรติ รอดเจริญ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการการท่าเรือแห่งประเทศไทยและกรรมการ ครส.ในการประชุมเพื่อพิจารณาการปรับเพิ่มเงินเดือนครั้งนี้ ผู้ แทนของกระทรวงการคลังได้ตั้งข้อสังเกตว่า ในส่วนของรัฐวิสาหกิจประเภทที่ 3 ซึ่งมี 39 แห่งนั้น แม้มีมติให้ปรับเพิ่ม 4% เหมือนกันหมด แต่บางรัฐวิสาหกิจที่ขาดทุนจะทำอย่างไร ดังนั้นที่ประชุมจึงได้ระบุมติไว้ด้วยว่า การปรับอัตราเงินเดือนค่าจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ ไม่ควรปรับขึ้นทุกรัฐวิสาหกิจ และบางแห่งก็มีเงินเดือนใกล้เคียงกับเงินเดือนค่าจ้างเอกชน แล้ว

ด้าน น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวว่า คสรท.ได้ร่วมกับนักวิชาการด้านเศรษฐกิจประเมินถึงสถานการณ์ค่าจ้าง แรงงานไทย พบว่าปัจจุบัน นายจ้างเลิกจ้าง ย้ายฐานการผลิต เป็นเรื่องปกติ และนายจ้าง ส่วนใหญ่อ้างเงินบาทแข็ง เศรษฐกิจถดถอย ถือโอกาสลดสวัสดิการ รวมถึงเลิกจ้างลูกจ้าง จำนวนมาก นอกจากนี้ยังได้มีการขอให้รัฐบาลช่วยในเรื่องเงินกู้จำนวนมาก ไม่เคยที่จะหัน มาใส่ใจลูกจ้างว่าจะมีความเป็นอยู่อดยากอย่างไร

“เราเป็นลูกจ้าง จำเป็นต้องมีเงินใช้จ่าย ซึ่งตอนนี้ค่าครองชีพก็สูงมาก ข้าวของ ทุกอย่างแพง ในขณะที่แต่ละคนเงินเดือนน้อยนิดใช้จ่ายไม่พอ ซึ่งในวันที่ 1 ต.ค.นี้รัฐบาล ประกาศให้ราชการ รัฐวิสาหกิจ ขึ้นไปแล้วแต่ถามว่าทำไมไม่เห็นใจลูกจ้างคนงานบ้างหรือให้ความเป็นธรรมกันบ้างหรือเปล่า อย่างไรก็ตามในวันที่ 27 ส.ค.นี้ คสรท.จะไปที่ทำเนียบ รัฐบาลยื่นหนังสือถึงพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นากยกรัฐมนตรี เพื่อขอให้พิจารณาปรับเพิ่ม เงินเดือนคนงานเป็นวันละ 233 บาทเท่ากันทั่วประเทศในช่วงเช้าและช่วงบ่ายจะเดินทางไป ยื่นให้กับ นายอภัย จันทนจุลกะ รมว.แรงงาน ให้เร่งประกาศขึ้นค่าจ้างด้วย”น.ส.วิไลวรรณ กล่าว

น.ส.วิไลวรรณ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ คสรท.จะเสนอให้รัฐบาลตั้งกองทุน ประกันความเสี่ยงให้กับลูกจ้าง โดยเก็บเงินจากนายจ้าง สถานประกอบการเพื่อป้องกันการ เลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ไม่ได้รับเงินชดเชย เพราะสถานการณ์ปัจจุบันนายจ้างมักจะอ้าง สถานการณ์เงินบาท เพื่อที่จะเลิกจ้างและย้ายฐานการผลิต โดยไม่จ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย