Thai / English

คนฟอกหนังครวญ! ไอ้โม่งสกัดฟื้นกิจการ-ตั้งท่าผลาญพันล้านยุบ


ผู้จัดการ
26 .. 50
ผู้จัดการ

สหภาพฯ ฟอกหนังร้องสื่อถูกสกัดฟื้นกิจการ มึนงบฟื้นฟูสุดประหยัดแต่ไม่ได้รับการพิจารณา กลับตั้งท่าเตรียมผลาญภาษีประชาชนกว่าพันล้านยุบอฟน. ระบุไอ้โม่งจ้องงาบที่ดิน และขายผลิตภัณฑ์เครื่องหนังส่งกองทัพแทน

วันนี้ (26 ก.ค.) แกนนำกลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การฟอกหนังได้เดินทางเข้าร้องเรียนกับหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี ในกรณีความไม่โปร่งใส่ในพิจารณาการจัดทำแผนฟื้นฟู โดยมีขบวนการวิ่งเต้นถ่วงเวลาเพื่อให้องค์กรฟอกหนังถูกยุบ

ทั้งนี้ นายบุญลือ นุ้ยเมือง ที่ปรึกษาสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การฟอกหนังได้เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีบุคคลบางกลุ่มกำลังวิ่งเต้นเพื่อให้มีการยุบกิจการขององค์การฟอกหนัง (อฟน.) โดยอ้างภาวะขาดทุนทั้งที่ยังอยู่ในสถานะที่สามารถฟื้นฟูได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เคยเข้าปรึกษาต่อนายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังมาแล้ว และได้รับการเห็นชอบให้กลับมาทำแผนฟื้นฟู

ซึ่งข้ออ้างในปัญหาขาดทุนของอฟน.นั้น เท่าที่ผ่านตั้งแต่ปี 2548 ไม่เคยประสบปัญหาขาดทุนเลย แต่กลับต้องมาขาดทุนในช่วงวิกฤตกาค่าเงินบาทในปี 2540 เนื่องจากการลดงบประมาณในการจัดซื้อของรัฐบาล แต่ทาง อฟน.ยังคงต้องผลิตรองเท้าสนับสนุนให้ทางกองทัพในราคาขายที่ต่ำกว่าต้นทุน จึงเป็นผลสืบเนื่องให้ประสบภาวะขาดทุนในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่าในการยุบองค์กรฟอกหนังจะต้องใช้งบประมาณถึง 1,270 ล้านบาท เมื่อเทียบกับการฟื้นฟูให้สามารถกลับมาดำเนินกิจการได้จะใช้เพียง 300 ล้านบาท แต่กลับไม่ได้รับการพิจารณา โดยเมื่อมีการส่งเรื่องดังกล่าวไปแล้ว แต่กลับไม่ได้รับความสนใจ

นายบุญลือ กล่าวอีกว่า ขณะนี้กำลังรอการพิจารณาของบอร์ดในอนาคตขององค์การฟอกหนังอยู่ ซึ่งคาดว่าจะมีอยู่ 3 แนวทางในการแก้ปัญหาคือ 1 ให้มีการยุบเลิกกิจการ 2.ให้มีการฟื้นฟูเพื่อกลับมาดำเนินงานต่อได้ และ3.ให้มีการยุบเลิกกิจการโดยตั้งองค์กรใหม่ขึ้นมาดูแล โดยแต่ละแนวทางจะมีต้นทุนที่แตกต่างกันมาก ซึ่งหากจะยุบนอกจากที่จะต้องใช้ภาษีของประชาชนถึง 1,270 ล้านบาทแล้ว ยังต้องให้เงินอุดหนุนอีกปีละ 120 ล้านบาท เพื่อนำมาเป็นทุนหมุนเวียนอีก หากจะตั้งองค์กรใหม่ขึ้นมาดูแล

ด้าน นายเสรี ขวัญเมือง ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การฟอกหนัง เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาองค์การฟอกหนังให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการผลิตสินค้าเพื่อความมั่นคงของประเทศสนับสนุนกองทัพ แต่เมื่อประสบปัญหาขาดทุนกลับไม่ได้รับการช่วยเหลือ โดยเมื่อสอบถามไปยังกระทรวงกลาโหมแล้วก็ไม่มีความคืบหน้า โดยข้าราชการกระทรวงกลาโหมบางส่วนกลับเห็นว่าไม่ต้องมีการพัฒนาหรือทำอะไรเนื่องจากกำลังจะถูกยุบอยู่แล้ว

ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้มีการตกลงกับกระทรวงการคลัง และกระทรวงกลาโหม เพื่อหาทางแก้ปัญหาเพื่อให้คงความเป็นรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเมื่อกลับมาทำแผนฟื้นฟูแล้วแต่ก็ไม่รับความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นทำดีอย่างไรก็ไม่ได้รับการพิจารณาเสมือนมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง

ซึ่งขณะนี้กลุ่มผลประโยชน์ได้เข้ามาแทรกแซงโดยการแก้ไขสเปกของรองเท้าที่ต้องสนับสนุนกองทัพ ซึ่งจากเดิมโรงฟอกหนังจะต้องผลิตตามการกำหนดของกองทัพ ที่ต้องมีความคงทนสูงเพื่อความมั่นคงของประเทศในการใช้งาน

นายเสรี กล่าวอีกว่า นอกจากเรื่องแก้ไขสเปกของรองเท้าแล้ว เรื่องที่ดินขององค์กรฟอกหนังที่มีความพยายามจากรัฐบาลชุดที่แล้ว เพื่อนำไปจัดสรรในโครงการอื่นหลังมีการยุบอฟน. ก็เป็นปัญหาทำให้เกิดการวิ่งเต้นเพื่อที่จะไม่ให้มีการฟื้นฟูกิจการ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ภาษีของประชาชนถึง 1,270 ล้านบาทก็จะถูกนำมาใช้ในแนวทางที่ไม่ถูกต้อง

สำหรับปัญหาในการทำแผนฟื้นฟูของอฟน.นั้น ก่อนหน้านี้ได้มีมติให้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญมาวางแนวทางแต่ก็ต้องมีอันล้มเลิกไป โดยได้เปลี่ยนให้มาเป็นหน้าที่ของสหภาพแรงงานองค์การฟอกหนังแทน แต่เมื่อทำเรื่องไปถึงบอร์ดกลับไม่ได้รับการพิจารณาด้วยข้ออ้างว่ายังไม่สามารถทำอะไรได้ เท่ากับว่ามติของกระทรวงกลาโหมเเป็นเพียงแค่คำสั่งแต่ไม่มีผลในทางปฏิบัติแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากนี้คาดว่าจะมีการนำปัญหาของ อฟน.เข้าไปพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า