Thai / English

จำคุกสาวใหญ่วัย 50 ฐานลวงเด็กหญิง 14 ปีเป็นทาส


คมชัดลึก
25 .. 50
คมชัดลึก

สาวใหญ่วัย 50 ปี ถูกศาลพิพากษาจำคุก 10 ปี 6 เดือน ฐานลวงเด็กหญิง 14 ปีเป็นทาส เผยให้ทำงานบ้าน-รับใช้สารพัด วันละ 20 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด ไม่พอใจใช้กำลังทารุณทำร้ายร่างกาย

แถมให้กินข้าวแค่วันละ 2 มื้อ ด้านผู้ประสานงานโครงการความเสมอภาคชายหญิงเผยเป็นคดีแรกที่ศาลตัดสินจำคุกฐานเอาคนเป็นทาส ระบุเป็นคดีตัวอย่างสร้างบรรทัดฐานใช้ พ.ร.บ.ค้ามนุษย์

การทารุณกรรมเกี่ยวกับการใช้แรงงานลูกจ้างเยี่ยงทาสยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในสังคมไทย แม้ว่าเรื่องดังกล่าวจะมีผู้เสียหายฟ้องร้องต่อศาลเพื่อเอาผิดกับนายจ้างที่มีพฤติกรรมดังกล่าว ล่าสุด ได้มีคดีตัวอย่างเกี่ยวกับการลงโทษผู้กระทำความผิดนำเอาบุคคลลงเป็นทาส ซึ่งคดีนี้ศาลพิพากษาจำคุกนายจ้างที่กระทำทารุณกรรมลูกจ้างเด็กสาวอายุ 14 ปี เป็นเวลา 10 ปี 6 เดือน

เมื่อวันที่ 24 เมษายน ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลมีคำพิพากษาคดีความผิดต่อเสรีภาพ ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ และ น.ส.น้ำ (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ผู้เสียหาย ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้อง นางวิภาพร จงมีทรัพย์ อายุ 50 ปี เป็นจำเลย ในความผิดฐานผู้ใดนำเข้า หรือส่งออก เด็กอายุไม่เกินกว่า 15 ปี ให้เป็นทาส หรือให้มีฐานะทาส โดยวิธีการซื้อ ขาย หรือรับ หรือหน่วงเหนี่ยวบุคคล และผู้ใดกระทำผิดนำเอาคนลงเป็นทาสโดยทำให้บุคคลนั้นได้รับอันตรายสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 312 และ 312 ทวิ

คดีดังกล่าว โจทก์ฟ้องและนำสืบสรุปว่า เมื่อประมาณปลายปี 2546-2547 ต่อเนื่องกัน น.ส.น้ำ ผู้เสียหาย ได้รับติดต่อจากนายหน้าแรงงาน ให้มาทำงานเป็นคนรับใช้ในบ้านของจำเลย ซึ่งตั้งอยู่ที่แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. โดยจะได้รับเงินเดือน มีที่พัก และอาหาร จึงตกลงเดินทางจากภาคอีสานมาทำงานกับจำเลย แต่ปรากฏว่า เมื่อมาทำงานกับจำเลยเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี ผู้เสียหายถูกบังคับให้ทำงานบ้านตั้งแต่เวลา 04.00-24.00 น.ของทุกวัน ไม่มีวันหยุดพักผ่อน ต้องทำงานทุกอย่าง ทั้งทำกับข้าว ล้างจาน ซักผ้า ถูกบ้าน ล้างรถ ทำความสะอาดห้องน้ำ ห้องนอนจำเลยและบุตร

ทั้งนี้ เมื่อจำเลยไม่พอใจที่ผู้เสียหายทำงานช้า ก็จะใช้เข็มขัด ไม้ แป๊บน้ำ เก้าอี้ กระบอกไฟฉาย ทุบตีศีรษะและร่างกาย จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และยังไม่ให้ออกจากบ้านไปรักษาตัว ส่วนอาหารให้รับประทานเพียงวันละ 1 หรือ 2 มื้อ แล้วแต่ความพอใจของจำเลย ซึ่งไม่ยอมจ่ายเงินเดือนให้ด้วย เมื่อจำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสาหัสจนทำงานไม่ได้แล้ว จึงส่งตัวกลับภูมิลำเนา

ต่อมาเมื่อบิดามารดาของผู้เสียหายเห็นสภาพบุตรสาว จึงพาเข้าแจ้งความดำเนินคดี และส่งไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาล ต้องเข้ารับการผ่าตัดที่บริเวณหลัง และรักษาบาดแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะเป็นเวลานาน นอกจากนี้ ยังทำให้ผู้เสียหายมีอาการทางจิต ต้องเข้ารับการบำบัดเป็นเวลากว่า 1 ปี อย่างไรก็ตาม ในดีดังกล่าวจำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาและต่อสู้คดี อ้างว่าไม่ได้ทำผิดตามฟ้อง

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์-จำเลยนำสืบหักล้างกันแล้ว รับฟังได้ว่า จำเลยบังคับผู้เสียหายให้ทำงานตั้งแต่เวลา 04.00-24.00 น. โดยไม่มีวันหยุดพักผ่อน และให้รับประทานอาหารเพียง 1-2 มื้อ แล้วแต่ความพอใจของจำเลย โดยไม่ได้รับค่าจ้าง อีกทั้งยังได้ใช้กำลังทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยวิธีการทารุณ โดยที่จำเลยไม่ให้ผู้เสียหายได้รับการรักษาเยียวยาตามสมควร ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 312 และ 312 ทวิ ที่นำเอาคนเป็นทาส คดีนี้รับฟังได้ยุติด้วยว่า ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายมีอายุไม่ถึง 15 ปี พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบจึงมีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังได้ว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง

ทั้งนี้ จากการกระทำดังกล่าว ศาลพิพากษาให้จำคุกจำเลยเป็นเวลา 7 ปี ฐานเอาเด็กอายุไม่เกินกว่า 15 ปีลงเป็นทาส ทำให้ได้รับอันตรายสาหัส และให้จำคุกฐานทำร้ายร่างกายให้ได้รับอันตรายสาหัสโดยกระทำทารุณโหดร้าย และฐานทำร้ายร่างกายให้ได้รับอันตรายอีก 7 กระทง กระทงละ 6 เดือน รวมเวลา 3 ปี 6 เดือน เมื่อลงโทษทุกกระทงความผิดแล้ว รวมจำคุกจำเลยเป็นเวลาทั้งสิ้น 10 ปี 6 เดือน

ภายหลังศาลมีคำพิพากษาดังกล่าว น.ส.ศิริวรรณ ว่องเกียรติไพศาล ผู้ประสานงานโครงการความเสมอภาคชายหญิงในกระบวนการยุติธรรม ทนายความโจทก์ร่วม กล่าวว่า ที่ผ่านมาคดีความผิดเอาบุคคลลงเป็นทาสยังไม่เคยปรากฏว่าเคยมีคำพิพากษามาก่อน คดีนี้จึงถือเป็นคดีแรก เพราะที่ผ่านมาการตีความเรื่องทาสนั้น นักกฎหมายยังมีความเห็นไม่ตรงกัน แต่เมื่อศาลมีคำพิพากษาให้จำคุกจำเลย จึงเชื่อว่า คดีนี้จะเป็นบรรทัดฐานต่อไปในภายหน้า และจะได้นำไปสู่การใช้ พ.ร.บ.การค้ามนุษย์ อย่างเป็นรูปธรรมด้วย